4 เพลง Ost. อนิเมชั่นที่เพราะติดหูมากๆ

ว่ากันด้วยเรื่องของดนตรีและเพลงนั้น หลายๆ ท่านก็คงจะมีวงดนตรีโปรดของตนเองกันมากมายเลยใช่มั้ยหล่ะครับ แต่ก็คงจะมีหลายๆ ท่านที่จะชอบแนวเพลงประกอบอมิเมชั่นทั้งญี่ปุ่นที่มีหลายเพลงติดหูเป็นอย่างมากเลยหล่ะครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “4 เพลง Ost. อนิเมชั่นที่เพราะติดหูมากๆ” พร้อมกับแนะนำอนิเมชั่นเหล่านั้นไปพร้อมๆ กันด้วยเล้ยย จะมีเพลงใดเรื่องไหนบ้างนั้น เราไปชมกันดีกว่าครับ

4 เพลง Ost. อนิเมชั่น

1. Your Name

หลับตาฝัน ถึงชื่อเธอ (Your Name) เป็นภาพยนตร์อนิเมะญี่ปุ่นแนวโรแมนติกและแฟนตาซี ฉายเมื่อปี ค.ศ. 2016 สร้างโดย คอมิกซ์เวฟฟิล์ม และจัดจำหน่ายโดย โทโฮ ภาพยนตร์เล่าเรื่องของเด็กหนุ่มนักเรียนมัธยมปลายในโตเกียว และเด็กสาวมัธยมปลายในชนบทของญี่ปุ่น ที่เกิดการสลับร่างกันอย่างลึกลับ

เพลงประกอบที่แนะนำ  Nandemonaiya – movie ver.  – RADWIMPS

2. LOOKISM Netflix

โดยเรื่องนั้นจะกล่าวถึง ” ฮยองซอก ” พระเอกหนุ่มที่มีร่างกายอ้วน ทำให้เค้านั้นโดนรังแกจากคนรอบข้างอยู่เสมอ จนเค้านั้นอยากที่จะย้ายโรงเรียนแต่ก็ไม่มีเงินพอที่จะทำได้ จึงได้แต่ต้องทนรับชตากรรมต่อไป โดยวันหนึ่งขณะนอนอยู่นั้น ” ฮยองซอก ” นอนอยู่ก่อนวันไปโรงเรียนใหม่อีกไม่กี่วันนั้น เค้าได้ตื่นมาพบว่าตัวเค้าได้กลายเป็นว่ามี 2 คน โดยร่างแรกนั้น จะเป็นหนุ่มหน้าตาดี และอีกร่างของเค้านั้นคือหน้าตาเดิมของเค้า โดยเมื่อเค้าหลับจะสลับร่างกัน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปก็ต้องไปติดตามกันแล้วหล่ะครับ

เพลงประกอบที่แนะนำ  Fly Up (Concert Ver.) (Feat. Door)

3. Demon Slayer

ดาบพิฆาตอสูร (Kimetsu no Yaiba) เป็นซีรีส์หนังสือการ์ตูนของประเทศญี่ปุ่น เขียนเรื่องโดย โคโยฮารุ โกโตเกะ เนื้อหากล่าวถึงคามาโดะ ทันจิโร่ เด็กหนุ่มผู้กลายเป็นนักล่าอสูรหลังจากครอบครัวของตนถูกอสูรฆ่าตายทั้งหมด ยกเว้นเพียงน้องสาวที่ชื่อเนซึโกะเท่านั้นที่ได้กลายเป็นอสูรไป เขาจึงตั้งปณิธานว่าจะหาทางทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิมให้ได้

เพลงประกอบที่แนะนำ  GURENGE-LISA

4. fullmetal alchemist brotherhood (แขนกล คนแปรธาตุ: บราเธอร์ฮูด)

เอ็ดเวิร์ด และ อัลฟองเซ เอลริค สองพี่น้องตระกูลเอลริค ต้องสูญเสียแม่อันเป็นที่รักไปอย่างกะทันหันด้วยโรคระบาด ทั้งคู่จึงตัดสินใจใช้วิชาแปรธาตุในการ “ชุบชีวิตมนุษย์” ซึ่งถือเป็นวิชาต้องห้ามของการเล่นแร่แปรธาตุ เพื่อคืนชีพชีวิตให้กับแม่ของตน แต่ด้วยสัจจะของโลกแล้วไม่สามารถสร้างชีวิตขึ้นล้วงลับไปแล้วได้ เอ็ดและอัลต้องจ่ายค่าผ่านทางในการรับรู้แก่นแท้โดยแลกด้วยร่างกาย เอ็ดจ่ายด้วยขาซ้าย ส่วนอัลจ่ายด้วยร่างกายทั้งหมด เมื่อกลับขึ้นมากจากประตูแห่งสัจจะเอ็ดพบว่าร่างของน้องชายนั้นหายไปทั้งหมด จึงจ่ายด้วยแขขวาเพื่อดึงวิญญาณของน้องชายผนึกไว้ในชุดเกราะด้วยตราวงแหวนเลือด เรื่องราวจะดำเนินต่อไปอย่างไรต้องไปดูกันแล้วหล่ะครับ

เพลงประกอบที่แนะนำ  【Fullmetal Alchemist : Brotherhood】Opening 1 Full

อนิเมะมีส่วนข่วยขับเคลื่อนประเทศญี่ปุ่นอย่างไรไ?

  • ช่วยในเรื่องของธุรกิจและเศรษฐกิจ ที่จะเป็นการนำเสนอเรื่องราววัฒนธรรมของญี่ปุ่นผ่านการ์ตูนที่น่าสนใจ 
  • การ์ตูนช่วยปลูกฝั่งความคิดในการที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ แบบลูกผู้ชายตัวจริง ที่เรามักจะเรียกันว่า “การ์ตูนโชเน็น” นั้นเองครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “4 เพลง Ost. อนิเมชั่นที่เพราะติดหูมากๆ” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกัน จริงๆ แล้วมีอีกหลายเพลงและหลายเรื่องที่เราอยากจะนำมาแนะนำกันนะครับ ต้องสนุกและทุกๆ ท่านจะอินตามอย่างแน่น๊อนน

แนะนำ 4 วงดนตรีญี่ปุ่นสุดเจ๋ง

สิ่งที่มาคู่กับ อนิเมะแสนสนุกจากทางฝั่งแดนปลาดิบอย่างญี่ปุ่นก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับ “เพลงประกอบ” กันอย่างแน่นอนครับ ซึ่งมีหลากหลายวงดนตรีที่มีเพลงอันเป็นเอกลักษณ์และน่าติดตามไม่แพ้เรื่องราวของการ์ตูนเลย วันนี้เราเลยอยากจะมาแนะนำ “4 วงดนตรีญี่ปุ่นสุดเจ๋ง” ที่ทุกๆ ท่านต้องหาโอกาสไปลองฟังกันดูครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

เอกลักษณ์ของเพลงญี่ปุ่นที่น่าสนใจ

กล่าวได้ว่าเพลงของทางญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะเป็นแนวป็อป แนวร็อค เสียเป็นส่วนใหญ่เลยหล่ะครับ โดยดนตรีจะเน้นจังหวะที่นุ่มลึกฟังสบาย  ถ้าเป็นแนวร็อคก็จะให้ความรู้สึกฮึกเหิม สนุกสนานน่าเอาใจช่วยเสียเป็นส่วนใหญ่ก็ว่าได้ครับ

แนะนำ 4 วงดนตรีญี่ปุ่น

  • X-Japan วงร็อคญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยสมาชิกแรกเริ่ม 5 คนคือ โยชิกิ (กลอง,เปียโน), โทชิ (ร้องนำ), ฮิเดะ (กีต้าร์) พาตะ (กีต้าร์) และ ไทจิ (เบส) มาในแนวเพลงหนักแบบเมทัลและเพลงช้าแบบบัลลาด ก่อนจะเปลี่ยนมือเบสเป็น ฮีท ในอัลบั้มที่ 3, ชื่อเดิมของวงคือ X ความตั้งใจของโยชิกิคือจะสร้างวงร็อคซึ่งตีตลาดไปทั่วโลก แต่ขณะนั้นในอเมริกามีวงชื่อ X อยู่แล้วจึงใช้คำว่า Japan ต่อท้าย ออกผลงานเพลงมาตั้งแต่ปี 1988 มีเพลงโด่งดังหลายเพลงเช่น Endless Rain (เอนด์เลส เรน), Tears และ Say Anything วง X-Japan สร้างชื่อเสียงจนได้เล่นคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศขณะนั้น จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เมื่อแฟนเพลงได้รับข่าวร้ายว่าฮิเดะมือกีต้าร์เสียชีวิต ทำให้วงนี้ต้องยุติบทบาททางดนตรีเหลือไว้เพียงแค่ตำนานเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน
  • One Ok Rock (วัน โอเค ร็อค) วงดนตรีมากความสามารถกับ 5 สมาชิกยุคแรกเริ่ม ทะกะ (ร้องนำ), โทรุ (กีต้าร์), อเล็กซ์ (กีต้าร์), เรียวตะ (เบส) และ ยู (กลอง) ชื่อวงนั้นแปลงมาจากคำว่า one o’clock หนึ่งนาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขาซ้อมดนตรีในวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พวกเขาเลือกเล่นเวลาตีหนึ่งก็เพราะว่าเวลานั้นค่าห้องซ้อมราคาถูก, One Ok Rock เดบิวต์ในปี 2007 ด้วยซิงเกิลชื่อว่า “Naishi Shinso” (นาอิชิ ชินโซ) และสามารถเข้าถึงอันดับที่ 48 ในออริกอนชาร์ตด้วยยอดขาย 15,000 แผ่น และสุดท้ายพวกเขาได้ทำอัลบั้มเต็มชุดแรกเมื่อปี 2007 แต่หลังจากปี 2009 ก็เหลือสมาชิกแค่ 4 คน เนื่องจากอเล็กซ์ถูกจับข้อหาจับขานักเรียนหญิงอายุ 21 ปีบนรถไฟ ปัจจุบันพวกเขาออกอัลบั้มมาทั้งหมด 7 ชุด มีเพลงดังมากมาย
  • เบบี้เมทัล (BABYMETAL) เป็นวงไอดอลญี่ปุ่นแนวคาวาอีเมทัล สมาชิกวงประกอบด้วย ซูซูกะ นากาโมโตะ หรือ “ซูเมทัล”, โมอะ คิกูจิ หรือ “โมอะเมทัล” และโมโมโกะ โอกาซากิ หรือ “โมโมเมทัล” โดยมีโคบะเมทัลจากอะมิวส์เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวง มีวงดนตรีเฮฟวีเมทัลที่เล่นเป็นแบกอัปในการแสดง รู้จักกันในชื่อ “คามิแบนด์”
  • เอเคบีโฟร์ตีเอต (AKB48) เป็นกลุ่มไอดอลของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยสมาชิกกว่า 100 คนที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 12 ถึง 30 ปี ก่อตั้งโดยยาซูชิ อากิโมโตะ เมื่อปี 2005 โดยตั้งชื่อตามย่านอากิฮาบาระในกรุงโตเกียวซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงละครประจำวง มีแนวคิดหลักคือ “ไอดอลที่คุณสามารถพบได้” (idols you can meet) ซึ่งหมายความว่าวงมีโรงละครเป็นของตัวเองที่เปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถผลัดกันขึ้นแสดงได้ทุกวัน ต่างจากเกิร์ลกรุ๊ปทั่วไปที่ปกติจะพบเห็นได้ตามคอนเสิร์ตหรือโทรทัศน์เท่านั้น รวมไปถึงการจัดตั้ง “งานจับมือ” ที่แฟนคลับสามารถไปให้กำลังใจสมาชิกที่ตนเองชื่นชอบได้ และด้วยสมาชิกที่มีจำนวนมาก ทำให้มีการแบ่งสมาชิกออกเป็นหลายทีมเพื่อผลัดกันขึ้นแสดงในโรงละคร นอกจากนี้อากิโมโตะยังได้ขยายแนวคิดนี้โดยการสร้าง “วงน้องสาว” ทั้งภายในประเทศญี่ปุ่นและในต่างประเทศ อาทิเช่น จีน อินโดนีเซีย ไทย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินเดีย เป็นต้น

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ “แนะนำ 4 วงดนตรีญี่ปุ่นสุดเจ๋ง” ที่พวกเราได้รวบรวมมาฝากให้กับทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้น คิดว่าน่าจะเป็นแนวเพลงและวงดนตรีที่น่าสนใจสำหรับใครหลายๆ คนกันนะครับ

ทำความเข้าใขเกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์เพลง

ว่ากันด้วยเรื่องของ สิทธิ์หรือลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของนั้น เป็นสิ่งที่หลายๆ ต้องทำความเข้าใจกันเป็นอย่างมากเลยก็ว่าได้ครับ เพราะหากไม่ทำตามอาจทำให้เราศูนย์เสียเงินไปอย่างมากเลยหล่ะครับ  วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ทำความเข้าใขเกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์เพลง” กันครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

คำว่า “ลิขสิทธิ์” คืออะไร?

ลิขสิทธิ์ หมายถึง สิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับงานที่ผู้สร้างสรรค์ได้ริเริ่มโดยการใช้สติปัญญาความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะของตนเองในการสร้างสรรค์ โดยไม่ลอกเลียนงานของผู้อื่น โดยงานที่สร้างสรรค์ต้องเป็นงานตามประเภทที่กฎหมายลิขสิทธิ์ให้คุ้มครอง โดยผู้สร้างสรรค์จะได้รับความคุ้มครองทันทีที่สร้างสรรค์โดยไม่ต้องจดทะเบียน การแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์ต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญา มิได้ เป็นการรับรองสิทธิ์ของเจ้าของลิขสิทธิ์แต่อย่างใด แต่เป็นเพียงการแจ้งต่อหน่วยงานราชการว่าตนเองเป็นเจ้าของสิทธิ์ในผลงานลิขสิทธิ์ที่แจ้งไว้เท่านั้น โดยผู้แจ้งต้องรับรองตนเองว่าเป็นเจ้าของผลงานที่นำมาแจ้งข้อมูลลิขสิทธิ์และหนังสือรับรองที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาออกให้ ก็มิได้รับรองว่าผู้แจ้งเป็นเจ้าของงานลิขสิทธิ์แต่อย่างใด หากมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้แจ้งจำเป็นต้องพิสูจน์ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ นั้นเอง

ประเภทของงานที่มีลิขสิทธิ์ มีอะไรบ้าง?

กฎหมายลิขสิทธิ์ให้ความคุ้มครองแก่งานสร้างสรรค์ 9 ประเภทตามที่กฎหมายกำหนด ได้แก่

  • งานวรรณกรรม เช่น หนังสือ จุลสาร สิ่งเขียน สิ่งพิมพ์ คำปราศรัย โปรแกรมคอมพิวเตอร์
  • งานนาฏกรรม เช่น งานที่เกี่ยวกับการรำ การเต้น การทำท่า หรือการแสดงประกอบขึ้นเป็นเรื่องราว รวมถึงการแสดงโดยวิธีใบ้ด้วย
  • งานศิลปกรรม เช่น งานจิตรกรรม งานประติมากรรม ภาพพิมพ์ งานสถาปัตยกรรม ภาพถ่าย ภาพประกอบ หรืองานสร้างสรรค์รูปทรงสามมิติเกี่ยวกับภูมิประเทศ หรือวิทยาศาสตร์ งานศิลปะประยุกต์ ซึ่งรวมถึงภาพถ่ายและแผนผังของงานดังกล่าวด้วย
  • งานดนตรีกรรม เช่น คำร้อง ทำนอง การเรียบเรียงเสียงประสานรวมถึงโน้ตเพลงที่แยกและเรียบเรียงเสียงประสานแล้ว
  • งานสิ่งบันทึกเสียง เช่น เทปเพลง แผ่นคอมแพ็คดิสก์ (ซีดี) ที่บันทึกข้อมูลเสียง ทั้งนี้ไม่รวมถึงเสียงประกอบภาพยนตร์ หรือเสียงประกอบโสตทัศนวัสดุอย่างอื่น
  • งานโสตทัศนวัสดุ เช่น วีดีโอเทป วีซีดี ดีวีดี แผ่นเลเซอร์ดิสก์ที่บันทึกข้อมูลประกอบด้วยลำดับของภาพหรือภาพและเสียงอันสามารถที่จะนำมาเล่นซ้ำได้อีก
  • งานภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์ รวมทั้งเสียงประกอบของภาพยนตร์นั้นด้วย (ถ้ามี)
  • งานแพร่เสียงแพร่ภาพ เช่น การกระจายเสียงวิทยุ การแพร่เสียง หรือภาพทางโทรทัศน์
  • งานอื่นใดในแผนกวรรณคดี แผนกวิทยาศาสตร์ หรือแผนกศิลปะ

ลิขสิทธิ์เพลงเป็นอย่างไร?

ลิขสิทธิ์เพลง นับเป็นผลงานที่เกิดจากการใช้สติปัญญา ความรู้ ความสามารถ และความวิริยะอุตสาหะในการที่สร้างสรรค์ผลงานชิ้นหนึ่งขึ้นมา โดยที่ไม่ได้ลอกเลียนงานสร้างสรรค์ของผู้อื่น จึงถือว่าเป็นทรัพย์สิน ทางปัญญาอีกประเภทหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537 โดยลิขสิทธิ์จะให้สิทธิ์แก่เจ้าของแต่เพียงผู้เดียวนั้นเองครับ

การเปิดเพลงในร้านอาหาร ผิดลิขสิทธิ์ด้วยหรือไม่?

ตามกฏมหมายได้ระบุเอาไว้ว่า “ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือห้างร้านทั่วไปที่เปิดเพลงเพื่อแสวงหาผลกำไรโดยตรง จากการสร้างความบันเทิวหรือดึงดูดบุคคลให้เข้ามาใช้บริการต้องขออนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ มิฉะนั้นจะถูกสั่งปรับได้นั้นเองครับ” จึงสรุปได้ว่า หากเป็นเพลงที่ยังติดเรื่องลิขสิทธิ์อยู่ เมื่อถูกร้องเรียนก็มีสิทธิ์เสียเงินได้นั้นเอง เพราะฉะนั้นแล้วควรตรวจสอบรายชื่อเพลงให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายทางการเงินและทางธุรกิจครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ทำความเข้าใขเกี่ยวกับ ลิขสิทธิ์เพลง” ที่เราได้หามาฝากท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้น คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อยกันนะครับ สุดท้ายนี่ขอให้ทำกิจกการกันรุ่งเรืองและขออนุญาตอย่างถูกกฎหมายกันนะครับ

ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปิดเพลงในร้านอาหาร

ปัจจุบันตามร้านอาหารหรือคาเฟ่ต่างๆ นั้น มักจะเปิดเพลงต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริมบรรยากาศต่างๆ ภายในร้านไม่ว่าจะเป็นด้านการกินหรือด้านเสริมสร้างบรรยากาศร่วมที่ดี แต่ท่านสักเกตกันหรือไม่ครับว่า “แต่ละร้านมักจะเปิดเพลง version Cover” เกือบทั้งสิ้นเลย วันนี้เราเลยอยากจะพาทุกๆ ท่านไป “ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปิดเพลงในร้านอาหาร” ให้กับทุกๆ ท่านได้ทราบกันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันดีกว่าครับผม

ทำความเข้าใจว่า “ทำไมจึงเปิดเพลงในร้านอาหารไม่ได้”

เพลงเป็นงานมีลิขสิทธิ์(งานดนตรีกรรม และสิ่งบันทึกเสียง)ที่กฎหมายให้ความคุ้มครอง เจ้าของลิขสิทธิ์มีสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการทำซ้ำ ดัดแปลง เผยแพร่ต่อสาธารณชน หรือใช้ประโยชน์อื่น ๆ จากงานอันมีลิขสิทธิ์นั้น ไม่ว่าจะการเปิดเพลงไม่ว่าจากสื่อใดๆ เช่น ซีดี ดีวีดี YouTube  หรือ การร้องเพลงในร้านอาหาร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ เป็นการเผยแพร่เพลงซึ่งเป็นงานมีลิขสิทธิ์นั้นต่อสาธารณชน หากเป็นการเปิดเพลง หรือร้องเพลงเพื่อดึงดูดลูกค้า เรียกลูกค้า หรือสร้างบรรยากาศในร้านอาหาร อันเป็นส่วนหนึ่งของการทำเพื่อหากำไร

การเปิดเพลง หรือ การร้องเพลงในร้านอาหารนั้นอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์เพลง คือ ละเมิดสิทธิในการเผยแพร่ต่อสาธารณชน อาจถูกเจ้าหน้าที่ลิขสิทธิ์เพลงจับและดำเนินคดีในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ หรืออาจถูกฟ้องร้องเป็นคดีความได้

การละเมิดลิขสิทธิ์ คืออะไร?

การละเมิดลิขสิทธิ์ หมายถึงการนำผลงานของผู้อื่นมาใช้ เผยแพร่ ดัดแปลง ทำซ้ำ โดยผู้เป็นเจ้าของผลงานไม่อนุญาตหรือไม่ได้รับทราบ ปกติแล้วผลงานใดๆ อาทิ สิ่งประดิษฐ์ วรรณกรรม ศิลปกรรม ฯลฯ เป็นกรรมสิทธิ์และลิขสิทธิ์ของผู้สร้างสรรค์โดยปริยาย การนำผลงานมาใช้อาจมีเงื่อนไขบางประการเรียกว่าสัญญาอนุญาต ซึ่งกำหนดโดยเจ้าของผลงานหรือกำหนดตามกฎหมาย เมื่อไม่ทำตามเงื่อนไขจึงละเมิดลิขสิทธิ์ สนธิสัญญาระหว่างประเทศที่มีจุดประสงค์มุ่งให้ความคุ้มครองในเรื่องลิขสิทธิ์ และป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น สนธิสัญญากรุงแบร์น (Berne three-step test) สนธิสัญญาลิขสิทธิ์ (WIPO Copyright Treaty) และสนธิสัญญาการแสดงและสิ่งบันทึกเสียง (WIPO Performances and Phonograms Treaty) นอกจากสนธิสัญญาแล้ว ยังมีองค์กรที่ให้การคุ้มครองเพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วยนั้นเอง

วิธีการเปิดเพลงไม่ให้โดดร้องเรียนเรื่องลิขสิทธิ์

  • เปิดเพลงเก่ามากที่หมดลิขสิทธิ์ไปแล้ว เพลงที่หมดลิขสิทธิ์ไปแล้วถือเป็นสมบัติสาธารณะที่ทุกคนสามารถใช้เพลงนั้นได้โดยไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น ร้านอาหารอาจเปิดหรือร้องเพลงแจ๊สเก่า ๆ ที่หมดลิขสิทธิ์แล้ว แต่ก็ต้องตรวจสอบให้ดีว่าเวอร์ชันที่นำมาใช้หรือนำมาเปิดต้องเป็นของต้นฉบับจริง ๆ (ที่หมดลิขสิทธิ์แล้ว) เพราะไม่เช่นนั้นอาจมีลิขสิทธิ์ในส่วนของการบันทึกเสียงได้
  • ใช้เพลงที่ศิลปินหรือค่ายเพลงอนุญาตให้ใช้ มีศิลปินบางรายหรือบางค่ายเพลงประกาศอนุญาตให้ร้านอาหาร หรือผู้ประกอบการสามารถนำเพลงของตนไปเปิดในร้านได้โดยไม่เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ และไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ เช่น T-bone, Byrd & Heart, ค่าย Summer Disc Music Label หรือค่าย Banana Record Thailand เป็นต้น โดยเราสามารถตรวจสอบได้ว่าศิลปินรายใด หรือค่ายเพลงใดที่อนุญาตให้นำเพลงไปเปิดในร้านอาหารได้จากเว็บไซต์กรมทรัพย์สินทางปัญญา
  • ขออนุญาตใช้เพลงให้ถูกต้อง เราสามารถขอซื้อเพลย์ลิสต์หรือขออนุญาตนำเพลงมาร้องได้ ผ่านการขออนุญาตจะจ่ายค่าใช้ลิขสิทธิ์ ในที่นี้คือค่าใช้เพลงตามแต่ละกรณี ใช้ขอนำเพลงมาร้อง ขอนำเพลงมาเปิด เป็นต้น เราก็จะได้ใบอนุญาตใช้เพลงจากเจ้าของลิขสิทธิ์มา และสามารถเปิดเพลงหรือร้องเพลงในร้านอาหารได้อย่างถูกต้อง

การขอเปิดเพลงในร้านอาหารแบบถูกต้อง ทำอย่างไร?

  • ตรวจสอบรายชื่อบริษัทและตรวจสอบรายชื่อเพลง ของแต่ละบริษัทจัดเก็บ
  • ตรวจสอบว่าเพลงที่ต้องการใช้ มีการจัดเก็บในลิขสิทธิ์ประเภทใด
  • สิ่งบันทึกเสียง (สิ่งที่ประกอบขึ้นจากเสียงที่ได้บันทึกลงในสื่อเช่น คอมแพคท์ดิสก์, คาสเสทท์, เทป หรืออุปกรณ์อื่นใดที่สามารถบันทึกเสียงได้ หรืออีกนัยหนึ่ง คือต้องเป็นเสียงที่อยู่บนซีดี (ไม่ใช่ตัวแผ่นซีดี) จึงจะถือว่าเป็นสิ่งบันทึกเสียงได้)
  • การจ่ายค่าตอบแทนให้กับบริษัทจัดเก็บ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเปิดเพลงในร้านอาหาร” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ ท่านไม่มากก็น้อยกันนะครับ

3 ประเภทเพลงพื้นบ้านทางภาคเหนือที่น่าสนใจ

วัฒนธรรมพื้นบ้านในแต่ละภูมิภาคนั้นก็จะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ซึ่งในบทความนี้เราจะขอพาทุกๆ ท่านไปสำรวจเกี่ยวกับ “4 เพลงพื้นบ้านทางภาคเหนือที่น่าสนใจ” กันสักหน่อยครับ เพราะเพลงพื้นบ้านของทางภาคเหนือน่าสนใจมากเลยครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันดีกว่าครับผม

เพลงพื้นบ้านคืออะไร?

เพลงพื้นบ้าน คือ เพลงของชาวบ้านที่จดจำสืบทอดกันมาแบบปากเปล่า ใช้ร้องเล่นเพื่อความสนุกสนานรื่นเริง โดยใช้คำที่ง่ายๆ เน้นเสียงสัมผัสและจังหวะการร้องเป็นสำคัญ เพลงพื้นบ้านมีลักษณะเฉพาะ คือเป็นเพลงที่ชาวบ้านอาศัยการฟังและจำ ไม่มีการจดเป็นตัวหนังสือ เนื้อร้องใช้คำง่ายๆ ใช้การปรบมือหรือใช้เครื่องประกอบจังหวะง่ายๆ ที่สำคัญต้องมีเสียงร้องรับของลูกคู่ ทำให้เกิดความสนุกสนานมากขึ้น

4 เพลงพื้นบ้านทางภาคเหนือ

เพลงพื้นบ้านภาคเหนือ สามารถใช้ร้องเล่นได้ทุกโอกาส โดยไม่จำกัดฤดูหรือเทศกาลใดๆซึ่งใช้ร้องเพลงเพื่อผ่อนคลายอารมณ์และการพักผ่อนหย่อนใจโดยลักษณะการขับร้องและท่วงทำนองจะอ่อนโยน ฟังดูเนิบนาบนุ่มนวลสอดคล้องกับเครื่องดนตรีหลัก ได้แก่ ปี่ ซึง สะล้อ เป็นต้นนอกจากนี้ยังสามารถจัดประเภทของเพลงพื้นบ้านของภาคเหนือได้ 3 ประเภท คือ

  1. เพลงซอ ใช้ร้องโต้ตอบกัน โดยมีการบรรเลงปี่ สะล้อและซึงคลอไปด้วย
  2. เพลงจ๊อย เป็นการนำบทประพันธ์ของภาคเหนือมาขับร้องเป็นทำนองสั้น ๆโดยเนื้อหาของคำร้องจะเป็นการระบายความในใจ แสดงอารมณ์ความรักความเงียบเหงา มีนักร้องเพียงคนเดียวและจะใช้ดนตรีบรรเลงหรือไม่ก็ได้ เช่นจ๊อยให้กับคนรักรู้คนในใจจ๊อยประชันกันระหว่างเพื่อนฝูงและจ๊อยเพื่ออวยพรในโอกาสต่าง ๆ หรือจ๊อยอำลา
  3. เพลงเด็ก มีลักษณะคล้ายกับเพลงเด็กของภาคอื่นๆ คือเพลงกล่อมเด็ก เพลงปลอบเด็กและเพลงที่เด็กใช้ร้องเล่นกันได้แก่ เพลงฮื่อลูก และเพลงสิกจุงจา

ประโยชน์ของเพลงพื้นบ้าน

เพลงพื้นบ้านนั้นจะให้ความบันเทิง มีคุณค่าให้ความบันเทิงใจแก่คนในสังคมตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบันโดยเฉพาะในสมัยที่ยังไม่มีเครื่องบันเทิงใจมากมายเช่น ปัจจุบันนี้เพลงพื้นบ้านเป็นสิ่งบัน เทิงชนิดหนึ่ง ซึ่งให้ความสุขและความรื่นรมย์แก่คนในสังคม ในฐานะที่เป็นการละเล่นพื้นบ้านของหนุ่ม สาว และในฐานะ เป็นส่วนสำคัญของพิธีกรรมต่าง ๆ เพลงพื้นบ้านจึงจัดเป็นสิ่งบันเทิงที่เป็นส่วนหนึ่งใน วิถีชีวิตของชาวบ้าน

2 เอกลักษณ์เด่นๆ ของวัฒนธรรมภาคเหนือ

  1. วัฒนธรรมทางภาษาถิ่น ชาวไทยทางภาคเหนือมีภาษาล้านนาที่นุ่มนวลไพเราะ ซึ่งมีภาษาพูดและภาษาเขียนที่เรียกว่า “คำเมือง” ของภาคเหนือเอง โดยการพูดจะมีสำเนียงที่แตกต่างกันไปตามพื้นที่ ปัจจุบันยังคงใช้พูดติดต่อสื่อสารกัน
  2. วัฒนธรรมการแต่งกาย การแต่งกายพื้นเมืองของภาคเหนือมีลักษณะแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติของกลุ่มชนคนเมือง เนื่องจากผู้คนหลากหลายชาติพันธุ์อาศัยอยู่ในพื้นที่ซึ่งบ่งบอกเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นถิ่น
  • หญิงชาวเหนือจะนุ่งผ้าซิ่น หรือผ้าถุง มีความยาวเกือบถึงตาตุ่ม ซึ่งนิยมนุ่งทั้งสาวและคนแก่ ผ้าถุงจะมีความประณีต งดงาม ตีนซิ่นจะมีลวดลายงดงาม ส่วนเสื้อจะเป็นเสื้อคอกลม มีสีสัน ลวดลายสวยงาม อาจห่มสไบทับ และเกล้าผม
  • ผู้ชายนิยมนุ่งนุ่งกางเกงขายาวลักษณะแบบกางเกงขายาวแบบ 3 ส่วน เรียกติดปากว่า “เตี่ยว” “เตี่ยวสะดอ” หรือ “เตี่ยวกี” ทำจากผ้าฝ้าย ย้อมสีน้ำเงินหรือสีดำ และสวมเสื้อผ้าฝ้ายคอกลมแขนสั้น แบบผ่าอก กระดุม 5 เม็ด สีน้ำเงินหรือสีดำ ที่เรียกว่า เสื้อม่อฮ่อม ชุดนี้ใส่เวลาทำงาน หรือคอจีนแขนยาว อาจมีผ้าคาดเอว ผ้าพาดบ่า และมีผ้าโพกศีรษะ

เป็อย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “3 ประเภทเพลงพื้นบ้านทางภาคเหนือที่น่าสนใจ” ที่เราได้นำมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้กัน คิดว่าน่าจะเป็นความรู้ติดตัวที่ดีสำหรับทุกคนกันนะครับ

ประโยชน์ของการแปรงฟันที่มีดีมากกว่ารักษากลิ่นปาก

หากว่ากันด้วยเรื่องของการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันแล้วนั้น ก็คงจะไม่มีใครเลือกที่จะไม่ “แปรงฟัน” กันใช่มั้ยหล่ะครับ เพราะการแปรงฟันเป็นการทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ดีและมีประสิทธิภาพมากที่สุดเลยหล่ะครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับ “ประโยชน์ของการแปรงฟันที่มีดีมากกว่ารักษากลิ่นปาก” กันสักหน่อยครับ จะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

ปัญหากลิ่นปากคืออะไร?

กลิ่นปาก คือ กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มักเกิดจากแบคทีเรียในช่องปาก ในยามที่คุณนอนหลับ แต่มีเศษอาหารตกค้างหลงเหลืออยู่ตามซอกฟัน บนลิ้น หรือที่ขอบเหงือก แบคทีเรียในช่องปากจะเข้าไปย่อยสลายเศษอาหารทำให้เกิดการบูดเน่าส่งกลิ่นเหม็นไว้ในปากของคุณ สาเหจตุของกลิ่นปาก มีดังนี้

●อาหาร  นอกเหนือจากเศษอาหารที่หลงเหลืออยู่ในปากแล้ว อาหารบางจำพวกก็เป็นสาเหตุของกลิ่นปากได้ เช่น กระเทียม หัวหอม และเครื่องเทศต่างๆ สามารถเข้าไปอยู่ในกระแสเลือดหลังจากถูกย่อยแล้ว จากนั้นก็เข้าไปสู่ปอด แล้วออกมาภายนอกได้พร้อมกับลมหายใจของคุณนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณมักทานอาหารค่ำก่อนเข้านอน

●การละเลยการดูแลช่องปาก  ควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารทุกวัน เพราะหากไม่ทำความสะอาดช่องปากให้ถูกต้องเหมาะสม จะก่อให้เกิดโรคปริทันต์อักเสบได้ในที่สุด

การแปรงฟันที่ดีต้องทำอย่างไรบ้าง?

การแปรงฟันเป็นสิ่งที่สำคัญในการดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากรายวัน หากอยากมีสุขอนามัยในช่องปากดี มีรอยยิ้มที่สวยงาม เราจะต้องแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งด้วยแปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม มีขนาดที่พอเหมาะพอควรกับช่องปาก หัวแปรงสามารถเข้าถึงซอกมุมต่าง ๆ ภายในช่องปากได้อย่างทั่วถึง และควรจะเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก ๆ 3-4 เดือน หรือเร็วกว่านั้น หากพบว่าขนแปรงเสื่อมสภาพแล้ว ในขณะที่ยาสีฟัน ก็ควรเลือกชนิดที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพื่อป้องกันฟันผุ นั้นเองครับ โดยขั้นตอนการแปรงฟันที่ดี สามารถทำได้ดังนี้

– วางแปรงทำมุม 45 องศา กับเหงือก
– ค่อย ๆ แปรงอย่างเบามือไปทางด้านหน้าและหลัง ช่วงสั้น ๆ ที่ด้านบนของซี่ฟัน
– แปรงด้านหน้า และด้านใน และบริเวณผิวสัมผัสเมื่อเราเคี้ยวอาหาร
– แปรงด้านในของฟันด้านหน้าให้ตั้งหัวแปรงตรงแล้วปัดออกหลาย ๆ ครั้ง
– แปรงด้านนอกของฟันในลักษณะวนหัวแปรง ให้ทั่วถึง

ประโยชน์ของการแปรงฟัน

●ช่วยให้ควบคุมการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากได้ด้วยการแปรงฟันวันละสองครั้งและใช้ไหมขัดฟันวันละครั้ง ด้วยวิธีธรรมดา ๆ ที่ใช้เวลาแค่สองนาทีนี้ช่วยได้อย่างมาก

●ช่วยให้มีสุขภาพที่ดีได้ เพราะกลิ่นปากนอกจากจะเกิดจากเราไม่ดูแลให้ดี อาจเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงโรคภัยต่างๆ ได้

●การแปรงฟันด้วยยาสีฟันช่วยให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้อย่างรวดเร็วหลังรับประทานอาหาร

●การดูแลอย่างสม่ำเสมออาจช่วยลดจำนวนครั้งที่ต้องไปคลินิกทันตแพทย์

●ลดภาระเรื่องเงินในกระเป๋าจากการทำงานทันตกรรมจำนวนมาก

●การแปรงฟันให้ดีขึ้นและบ่อยขึ้น จะมีรอยยิ้มสุขภาพดีขึ้น ทำให้การสนทนาเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีกลิ่นไม่พึงประสงค์และช่วยเสริมความมั่นใจให้กับเรานั้นเอง

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ประโยชน์ของการแปรงฟันที่มีดีมากกว่ารักษากลิ่นปาก” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ที่ดีสำหรับทุกคนไม่มากก็น้อยกันนะครับ

ยาสีฟันที่ดีเป็นอย่างไร

การทำความสะอาดช่องปากและฟันที่ดีที่สุดนั้นก็คือ “การแปรงฟัน” อย่างแน่นอนครับ เพราะการแปรงฟันจะทำความสะอาดฟัน เหงือก ลิ้นและช่องปากได้ดีที่สุดครับ ซึ่งหากเราเลือกยาสีฟันที่ดีและมีคุณภาพก็จะทำให้ช่องปากสะอาดปราศจากการสะสมของเชื้อจุลินทรีย์นั้นเองครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “ยาสีฟันที่ดีเป็นอย่างไร” กันสักหน่อยครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาเราไปชมกันดีกว่าครับผม

ทำความรู้จักกับ ยาสีฟัน

ยาสีฟัน เป็นสิ่งที่ใช้คู่กับแปรงสีฟันในการแปรงฟัน มักอยู่ในรูปของเนื้อครีม เจล หรือเนื้อผง โดยมีส่วนผสมต่างกันไปในแต่ละผู้ผลิต เช่น เกลือ ฟลูออไรด์ สารขัดสี สารที่ทำให้เกิดฟอง เป็นต้น คุณสมบัติจะแตกต่างกันไปตามแต่ผู้ผลิต ซึ่งยาสีฟันมีความสําคัญอย่างยิ่งในขณะแปรงฟันเพราะจะช่วยให้ฟันสะอาดมากขึ้น รวมถึงการแปรงฟันที่ถูกวิธี  เช่น แปรงสีฟันจะต้องมีขนแปรงที่อ่อนนุ่ม  ตั้งตรงและใช้เวลาแปรงประมาณ  3 นาทีต่อครั้ง โดยหน้าที่ของยาสีฟันมี 3 ประการคือ

1. กำจัดคราบแบคทีเรียที่เกาะอยู่บนเคลือบฟัน (plaque) และคราบอาหารที่ตกค้างบนฟัน
2. ทำให้ลมหายใจสดชื่น
3.ช่วยต่อต้านฟันผุ

ยาสีฟันที่มีจำหน่ายอยู่ทั่วไปแบ่งได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ

1.  ต่อต้านฟันผุ (anticavity)
2.  ต่อต้านฟันผุ/ควบคุมคราบหินปูนที่เกาะตามซอกฟัน(anticavity / tartar control)
3.  ต่อต้านฟันผุ/ลดการเสียวฟัน (anticavity / desensitizing)
4.  ต่อต้านฟันผุ/ต่อต้านแผ่นคราบแบคทีเรียที่เกาะอยู่บนคราบฟัน/ต่อต้านเหงือกอักเสบ/ควบคุมคราบหินปูน(anticavity / antiplaque / antigingivitis /tartar control)

ยี่ห้อของยาสีฟันที่คุ้นเคยกันมีหลายยี่ห้อ เช่น คอลเกต (Colgate)  ใกล้ชิด (Close up) ฟลูโอคาริล(Fluocaril) ฯลฯ  ผู้ผลิตยาสีฟันต้องการให้ผู้บริโภคเชื่อว่ายาสีฟันยี่ห้อนั้นๆ  สามารถทำให้ฟันขาวและสะอาด ลมหายใจสดชื่น  ป้องกันฟันผุ  ป้องกันการสะสมของหินปูนที่ฟันและป้องกันเหงือกอักเสบได้

ยาสีฟันที่ดีต้องประกอบไปด้วย

●ยาสีฟันต้องมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะฟลูออไรด์สามารถป้องกันฟันผุได้ ทำให้ผิวฟันแข็งขึ้น อีกทั้งยังสามารถคืนแร่ธาตุสู่ผิวฟันได้อีกด้วย โดยมันจะแทรกซึมเข้าไปในผลึกแคลเซียมบนผิวฟันของเรานั่นเอง ยาสีฟันที่เราใช้กันจะมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ประมาณ 1000 – 1500 ppm ทุกคนจะเห็นได้จากฉลากข้างกล่อง จะเขียนว่า “Sodium Fluoride” หรือ “Sodium Monofluorophosphate” เป็นต้น ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหน ขอแค่เห็นคำว่า “-fluoro-” ถือว่าใช้ได้ครับ นอกจากนี้ หากใครมีฟันผุระยะเริ่มต้น (Initial caries) มันยังสามารถซ่อมแซมผิวฟันให้กับเราได้ด้วย

– ย้ำว่าฟันผุระยะเริ่มต้นนะครับ หากเกิดเป็นรู เป็นหลุมแล้วล่ะก็ ต้องไปอุดฟันอย่างเดียวเลยครับ
– ลักษณะของฟันผุเริ่มต้น ผิวฟันจะมีสีขาวขุ่น ไม่มีหลุม

นอกจากนี้ ยาสีฟันสมุนไพรบางประเภทที่มีสารสกัดของ “ชา” ก็มีฟลูออไรด์ได้เหมือนกันนะ อ่านไม่ผิดแน่นอนครับ จากงานวิจัยของ Das et al ในปี 2017 รายงานว่า “ชา” ที่เราดื่มกัน มีส่วนผสมของฟลูออไรด์เช่นกัน โดยพบว่ามีความเข้มข้นที่ประมาณ 296 – 1112 ppm นั่นเอง ดังนั้น หากจะเลือกใช้ยาสีฟันสมุนไพร ต้องมั่นใจว่ามีฟลูออไรด์ หรือชาเป็นส่วนผสม ที่เห็นกันบ่อยๆ คือ ชาเขียวนั่นเองครับ

●ต้องเนื้อไม่หยาบ หรือมีผงขัดเกร็ดเล็ก เพราะหลายคนอาจจะคิดว่า การมีผงขัดเม็ดใหญ่ๆ หรือยาสีฟันที่เป็นผงสามารถกำจัดคราบฟันได้ดี อื้ม….จริงๆก็ไม่ผิดนะครับ เพียงแต่ หากแปรงผิดวิธี มันจะขัดทั้งคราบไบโอฟิล์มและผิวฟันของเราออกไปด้วยเลยน่ะสิ ผลที่ตามมา (พบบ่อยมากด้วย) คือ “คอฟันสึก” ซึ่งเกิดจากการใช้ยาสีฟันที่มีความสามารถในการขัดสูงนั่นเอง ดังนั้น ใครมีคอฟันสึกอยู่แล้ว กลับไปสำรวจยาสีฟันด่วนเลยครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “ยาสีฟันที่ดีเป็นอย่างไร” ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันนะครับ

อาหารที่ทำให้กลิ่นปากแรงมีอะไรบ้าง?

                   กลิ่นปาก เรียกไดว่าเป็นสิ่งที่ทุกๆ ท่านคงไม่อยากให้เกิดและเป็นสิ่งที่ไม่พึ่งประสงค์ของทุกๆ คนอย่างแน่นอน เพราะหากเรามีกลิ่นปากแล้วหล่ะก็…คงทำให้คู่สนทนาเมินหน้าหนีหรือต้องทักให้เราเสียความมั่นใจอย่างแน่นอนเลยก็ว่าได้ครับ ซึ่งสาเหตุของกลิ่นปากหลักๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของ “อาหาร” นั้นเองครับ วันนี้เราจึงอยากพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “อาหารที่ทำให้กลิ่นปากแรงมีอะไรบ้าง?” กันสักหน่อยครับ จะมีอาหารอะไรบ้างนั้น…..เราไปชมกันดีกว่าครับผม

3 สาเหตุของกลิ่นปากนอกจากการกินอาหาร

●เรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดในช่องปากที่ไม่ดีพอหรือผิดวิธี โดยปกติในช่องปาก ฟันจะทำหน้าที่บดเคี้ยวฉีกอาหารโดยมีเหงือกคอยพยุงโอบอุ้มตัวฟันไว้ หากการกินอาหารแต่ละครั้งแล้วความทำความตัวฟันและตามซอกฟันไม่ทั่วถึง ก็จะทำให้อาหารตกค้างเกิดกลิ่นเน่าบูดและก่อให้เกิดกลิ่นปากขึ้นมา รวมถึงคราบอาหารจุลินทรีย์ที่ตกค้างเป็นแผ่นฟิล์มบาง ๆ ซึ่งจะสะสมตามรอยหยักของลิ้น ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของกลิ่นปาก

●เป็นโรคเหงือกและปริทันต์อักเสบ เกิดจากการสะสมของคราบอาหารจุลินทรีย์และมีหินปูนมาเกาะรอบ ๆ ตัวฟันมีการอักเสบของเหงือก มีการทำลายของเนื้อเยื่อรอบตัวฟัน เช่น กระดูกเบ้าฟัน เอ็นยึดปริทันต์ เกิดหนองมีอาการฟันโยกคลอน เหล่านี้เป็นสาเหตุทำให้เกิดกลิ่นปากได้

●ฟันผุ ฟันผุที่เป็นหลุมแล้วมีเศษอาหารติดก็เหมือนกับการมีถังขยะใบเล็ก ๆ ในช่องปากเมื่อมีการสะสมจึงเกิดการบูดเน่าและกำจัดออกไม่ได้ จึงส่งกลิ่นออกมาตลอดเวลา หากรอยโรคลุกลามจนมีการติดเชื้อมีหนองในตัวฟันและรอบตัวฟัน เกิดการอักเสบในช่องปากย่อมเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปากได้เช่นกัน

อาหารที่ทำให้มีกลิ่นปาก

●อาหารที่มีกระเทียม นอกจากกระเทียมจะมีกลิ่นชัดเจนแล้วนั้น ตัวกระเทียมยังสามารถทิ้งรอยกรดซัลฟิวริกได้ที่อื่นนอกจากลิ้นของคุณด้วย กระเทียมยังถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดกลิ่นระลอกที่สองที่พยายามหาทางเข้าไปยังปอดของคุณซึ่งสามารถออกจากจากทางปากได้อย่างอิสระ เมื่อถูกดูดซึมแล้ว กระเทียมจะปล่อยกลิ่นขมๆ ออกมาจากรูขุมขนของคุณ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้คุณต้องเลิกรับประทานกระเทียมอย่างเด็ดขาด เพียงพยายามอย่ารับประทานมากเกินไป และเมื่อรับประทานเสร็จ ชำระล้างเศษกระเทียมออกช่องปากของคุณด้วยการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันให้เรียบร้อยครับ

●อาหารจำพวกผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม นมอาจมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ก็สามารถทำให้ช่องปากสกปรกได้ นั่นเป็นเพราะว่าแบคทีเรียที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติจากลิ้นของคุณจะกินกรดอะมิโนในนมและชีสเป็นอาหาร ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นและไม่น่าพึงประสงค์

●กาแฟ เนื่องจากกาแฟมีฤทธิ์เป็นกรดซึ่งมีผลทำให้ชั้นเคลือบฟันอ่อนแอลง  การแปรงฟันหลังจากที่ดื่มกาแฟตอนเช้าด้วยยาสีฟันที่มีฤทธิ์เป็นด่างจะทำให้เกิดการกัดกร่อนชั้นป้องกันของฟัน ทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุซี่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์

●เครื่องดื่มแอลกอฮอล์  แอลกอฮอล์มีฤทธิ์ฝาดและทำให้ปากของคุณแห้งอย่างรุนแรง เนื่องจากมันลดการผลิตน้ำลายจึงทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับแบคทีเรียในช่องปากในการเจริญเติบโต ซึ่งส่งผลทำให้เกิดกลิ่นปากมากขึ้นอย่างรุนแรงนั้นเองครับ

                   เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “อาหารที่ทำให้กลิ่นปากแรงมีอะไรบ้าง?”ที่เราได้รวบรวมมาฝากทุกๆ ท่านกันในบทความข้างต้นนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กันนะครับ

วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง

ฟันเหลือง ฟันผุและปัญหากลิ่นปากเป็นอะไรที่ทุกๆ คนที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกัน จึงทำให้มักจะเกิดปัญหาเหล่านี้กับตัวเราได้ง่าย  ซึ่ง “การแปรงฟัน” เป็นสิ่งที่เราทุกๆ คนถูกสอนมาตั้งแต่เด็กๆ เพื่อที่จะดูแลสุขภาพช่องปากให้ดีที่สุดนั้นเอง แต่เราก็เชื่อว่าหลายๆ ท่านก็ยังพบปัญหาเกี่ยวกับ “วิธีการแปรงฟัน” ที่ถูกต้องจะต้องทำอย่างไรบ้างนั้น…เราไปชมกันดีกว่าครับผม

ฟันเหลืองเกิดจากอะไร

ส่วนใหญ่ฟันเหลืองมักเกิดจาก การที่เราแปรงฟันไม่สะอาด ทำให้มีเชื้อโรคตกค้างอยู่ในช่องปาก และเกาะทับถมกันจนกลายเป็นคราบจุลินทรีย์ และพัฒนากลายเป็นคราบหินปูนที่ติดแน่นอยู่บนฟัน มีสีเหลือง ไม่สามารถแปรงฟันออกได้ จึงจำเป็นต้องเอาออกด้วยวิธีการขูดหินปูนโดยทันตแพทย์เท่านั้น โดยสาเหตุของฟันเหลือง เกิดได้หลายอย่างเช่น…

–          สุขอนามัยช่องปากที่ไม่ดี ผิวฟันของเราจะถูกเคลือบด้วยชั้นบาง ๆ โปร่งแสงสีขาว ซึ่งจะช่วยปกปิดชั้นเนื้อฟันที่มีสีเหลืองเอาไว้ แต่เมื่อไหร่ที่สุขภาพช่องปากไม่ดี ผิวฟันจะเริ่มผุกร่อน สีเหลืองของเนื้อฟันก็จะปรากฏออกมาให้เห็น

–          อาหารและเครื่องดื่มสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง โซดา ช็อกโกแลต เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือผักผลไม้สีเข้ม อย่าง เบอร์รี่ เพราะการสะสมของคราบสีจากอาหาร และเครื่องดื่มเหล่านี้จะทำให้ฟันเหลือง นอกจากนั้นเครื่องดื่มที่เป็นกรด อย่าง มะนาว โซดา ยังสามารถกัดกร่อนเคลือบฟันของเราได้

–          การสูบบุหรี่ นับเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของฟันเหลือง เนื่องจากในบุหรี่มีสารเคมี อย่างกำมะถัน และการเผาไหม้ ทำให้ยิ่งสูบบุหรี่มากเท่าไหร่ สารเคมีกำมะถัน ทาร์ จะยิ่งสะสมบนผิวฟัน และแทรกซึมเข้าไปในเนื้อฟันมาก จนเกิดเป็นคราบที่ทำให้ฟันเหลือง ซึ่งการมีคราบในปริมาณมาก การจะเอาออกก็เป็นเรื่องยากมากอีกเช่นกัน

3 วิธีการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง

การดูแลสุขภาพของช่องปาก สามารถทำได้ง่ายๆ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นข้อๆ ได้ดังต่อไปนี้ครับ

1.การแปรงฟันที่ถูกวิธี วิธีแปรงฟันที่กรมอนามัยแนะนำ คือ การแปรงฟันแบบ 2-2-2 คือ

 – 2 ที่หนึ่ง แปรงฟันวันละ 2 เวลา เช้า-เย็น เพื่อลดการสะสมของเชื้อจุลลินทรีย์และคราบ plague

 – 2 ที่สอง แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์นานอย่างน้อย 2 นาที ให้สะอาดทั่วทั้งปาก ทุกซี่ ทุกด้าน

 – 2 ที่สาม ไม่กินขนมหรืออาหารหวานหลังแปรงฟัง 2 ชั่วโมงเพื่อให้ช่องปากสะอาดนานที่สุด เท่าที่จะทำได้

2.ใช้ไหมขัดฟัน การใช้ไหมขัดฟันนั้น ควรใช้ทำความสะอาดบริเวณซอกฟันแตะละซี่ เนื่องจากาบริเวณซอกฟันมักเป็นที่สะสมของเศษอาหารต่างๆ และยังเป็นที่ที่ขนแปรงสีฟันไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดได้อย่างหมดจด อาจก่อให้เกิดกลิ่นปาก อาการฟันผุหรือเหงือกอักเสบได้ ดังนั้นเราควรใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง เพื่อความสะอาดของช่องปากวัยรุ่นอย่างพวกเรานั้นเอง

3.หมั่นตรวจเช็คช่องปากด้วยตนเอง ซึ่งเป็นวิธีเบื้องต้นในการดูแลสุขภาพของช่องปากว่าเป็นอย่างไรบ้าง มีกลิ่นปากหรือไม่? มีคราบหินปูนฝังแน่นหรือเกิดฟันผุหรือปล่าว? เราขอแนะนำให้สำรวจอย่างน้อยวันละ 1 ครั้งหลังจากแปรงฟัน เพื่อเป็นการรักษาสุขภาพฟันที่ดีนั้นเอง

วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้องเป็นอย่างไร?

–          วางแนวปรงสีฟันขนนุ่ม ทำมุม 45 องศา บริเวณรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน

–          ถูแปรงสีฟันไปมาในช่วงสั้นๆ เบาๆ ตามแนวฟันและเหงือก

–          แปรงให้ครบ 3 ด้าน ด้านนอก, ด้านในและตัวฟันทั้งด้านบดเคี้ยวและด้านข้างฟัน

–          แปรงลิ้น และกระพุ้งแก้ม เพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์ และกลิ่นปาก

แนะนำควรแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน คือ ช่วงเช้า และก่อนเข้านอน ครั้งละ 2 นาที เพื่อสุขอนามัย ความสะอาดในช่องปาก

และนี้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับ “วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง” พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพฟันเหลืองและอื่นๆ ที่เราได้รวบรวมมาให้ท่านได้เป็นข้อมูลกันครับ หวังว่าจะชอบและเป็นประโยชน์ที่ดีกันนะครับ

ขายแบ็คลิงค์สายเทาคืออะไร

หลายคนที่อยู่ในวงการของการทำแบ็คลิงค์หรือ SEO มาก่อนน่าจะเคยได้ยินว่านอกจากแบ็คลิงค์สายขาวหรือสายทั่วไปแล้วนั้น ยังมีแบ็คลิงค์อีกสองประเภทนั่นก็คือ สายเทา และสายดำ 

แล้วเหตุใดแบ็คลิงค์ถึงต้องมีหลายสาย มีสายเดียวอย่างสายขาวได้ไหม ต้องบอกเลยว่าบนโลกของเรานั้น ไม่ว่าจะกิจการอะไร ก็ต้องมีสองด้านเสมอ นั่นคือด้านดีกับด้านที่ไม่ดี แบ็คลิงค์ก็เช่นเดียวกัน ในเมื่อเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ตนั้นมีทั้งดีและไม่ดี ก็จำเป็นต้องใช้เครื่องมือที่นอกรีต หรือไม่มีคนบัญญัติไว้ หรือแบ็คลิงค์ที่เราเรียกว่าสายเทา และสายดำนั่นเอง

ทำไมถึงควรหลีกเลี่ยงบุคคลที่ขายแบ็คลิงค์สายเทา และสายดำ

  1. เป็นการลดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

เหตุผลหลักของการใช้งานแบ็คลิงค์ก็เพื่อต้องการที่จะทำให้เว็บไซต์นั้นติดอันดับบนหน้าแรกๆของการค้นหาบน google ใช่ไหมล่ะ แต่กลับกันถ้าหากแบ็คลิงค์ที่ไม่ดี มีจำนวนมากเกินไปก็จะทำให้ระบบของ google จับได้เวลาเป็นการ spam หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นการควรหลีกเลี่ยงการใช้แบ็คลิงค์สายเทาหรือดำ เพื่อป้องกันการตกอันดับของ google 

  1. แบ็คลิงค์สายเดาหรือดำนั้น หมายถึงการทำเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมาย

โดยทั่วไปแล้วนั้นการซื้อและขายแบ็คลิงค์จะเป็นแบ็คลิงค์ที่เป็นสายขาวปกติ หรือมีคนใช้ทั่วไปหลากหลายเว็บไซต์ แต่แบ็คลิงค์สายขาวนั้นไม่สามารถใช้งานได้สำหรับเว็บไซต์ที่ผิดกฎของ google ยกตัวอย่างเช่นเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เว็บดูหนังเถื่อน เว็บสื่อลามกอนาจาร ดังนั้นเหล่าเจ้าของเว็บไซต์พวกนี้จึงต้องการแบ็คลิงค์ที่เป็นสายเทา หรือดำเพื่อทำการโปรโมทโฆษณาเว็บไซต์ของตนเอง 

แต่ต้องขอบอกเลยว่าการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ขึ้นหน้าแรกของการค้นหาด้วยสายเทาหรือดำนั้น อาจจะช่วยเพิ่มการมองเห็นได้จริงในช่วงแรกๆของการทำ SEO แต่เมื่อมีการตรวจจับจากระบบของ google เว็บไซต์เหล่านี้จะโดนทาง google ลดความน่าเชื่อถือ เพราะเปรียบเสมือนว่า backlink สายเทาและสายดำนั้น เป็นการใช้ประโยชน์จากช่องว่างของระบบ และเป็นเหมือนการหลอกระบบ google นั่นเอง

  1. เว็บไซต์ไม่ยั่งยืน

เนื่องจากตอนแรกอาจจะมีการจัดอันดับในหน้าแรกๆของ google ก็จริง แต่เมื่อมีการตรวจจับได้จากระบบของกูเกิ้ล จะทำให้มีการลดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ลง และมันจะไม่มีทางแก้ นอกจากจะลบเว็บไซต์หรือโดเมนทิ้งไป แล้วจดโดเมนใหม่เท่านั้น คือทางแก้ของการซื้อขายแบ็คลิงค์มาเพื่อการทำ SEO ที่ผิดกฎของ google นั่นเอง

ดังนั้นถ้าหากคุณต้องการที่จะทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงๆบนหน้า google แล้วล่ะก็ ลืมเรื่องแบ็คลิงค์สายเทาและสายดำไปได้เลย เนื่องจากมันจะส่งผลเสียมากกว่าผลดีในระยะยาว